The Creator (2023) ท่ามกลางการสู้รบในอนาคตระหว่างเชื้อสายมนุษย์แล้วก็กองกำลังของปัญญาประดิษฐ์ โจชัว อดีตกาลข้าราชการหน่วยรบพิเศษที่กระด้างซึ่งเศร้ากับการล่องหนไปของเมียของเขา ได้รับเลือกให้ออกตามล่าแล้วก็ฆ่าพระผู้ผลิต คนเขียนแบบที่เข้าใจยากของ AI ระดับสูงที่ได้ปรับปรุง อาวุธลึกลับที่มีอำนาจสำหรับการเลิกการศึกและก็มนุษยชาติ The Creator เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นนิยายวิทยาศาสตร์อเมริกันปี 2023
ที่ผลิตแล้วก็ควบคุมโดย Gareth Edwards นักเขียนร่วมบทร่วมกับ Chris Weitz ภาพยนตร์แสดงนำโดยจอห์น เดวิด วอชิงตัน, เจมม่า เฉลียง, เคน วาตาที่นาเบะ, สเตอร์จิล ซิมป์สัน, อัลลิสัน แจนนีย์ รวมทั้งแมดเดอลีน ยูน่า วอยล์ เกิดขึ้นในปี 2070 15 ปีภายหลังการปะทุปรมาณูในลอสแอนเจลิสแล้วก็การสู้รบต้านปัญญาประดิษฐ์ อดีตกาลข้าราชการกองกำลังพิเศษได้รับเลือกเฟ้นให้ตามล่าและก็ฆ่า “ผู้ผลิต” ผู้พัฒนาอาวุธลึกลับที่มีพลังสำหรับในการจบ การศึก

ดูหนังออนไลน์ The Creator (2023)
การพัฒนาเริ่มในพ.ย. พุทธศักราช 2562 เมื่อเอ็ดเวิร์ดส์เซ็นสัญญาเพื่อดูแลและก็แต่งโครงการนิยายวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีชื่อสำหรับนิวรีเจนซี่ รวมทั้งประกาศอย่างเป็นทางการในกุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2563 วอชิงตันได้รับการว่าว่าจ้างในพฤษภาคม พุทธศักราช 2564 รวมทั้งผู้แสดงที่เหลือก็ร่วมในปีถัดไป การถ่ายทำเริ่มในม.ค. พุทธศักราช 2565 ในประเทศไทยด้วยงบประมาณการสร้าง 80 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งจบในพฤษภาคมปีนั้น ในปี 2055 ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้จุดชนวนหัวรบปรมาณูเหนือลอสแอนเจลิส เมืองแคลิฟอร์เนีย เพื่อเป็นการสนองตอบ โลกตะวันตกจำนวนมากทำศึกสงครามกับ AI เพื่อคุ้มครองป้องกันการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ พวกเขาถูกต้านทานโดยผู้คนที่เรียกว่าทวีปเอเชียใหม่ (มีทวีปเอเชียทิศตะวันออก ทวีปเอเชียใต้ แล้วก็เอเซียอาคเนย์) ซึ่งยังคงเห็นด้วย AI ถัดไป กองทัพพากเพียรลอบฆ่า “นิรมาตะ” หัวหน้านักออกแบบลึกลับผู้อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองของ AI USS NOMAD (การคุ้มครองป้องกันการบินรวมทั้งอวกาศเคลื่อนในเส้นทางโคจรอเมริกาเหนือ) ได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานีอวกาศระดับสูงซึ่งสามารถจู่โจมแบบล้างผลาญจากวิถีโคจรได้ จากมือเขียนบท/ผู้กำกับ มึงเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ (“Rogue One”, “Godzilla”) The Creator (2023) สู่มหากาพย์แอ็คชั่นไซไฟตื่นเต้น ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการสู้รบในอนาคตระหว่างเชื้อสายมนุษย์และก็พลังที่ปัญญาประดิษฐ์ โจชัว (จอห์น เดวิด วอชิงตัน จาก “Tenet”) สมัยก่อนข้าราชการหน่วยรบพิเศษผู้เข้มแข็ง ซึ่งเศร้าใจกับการล่องหนไปของเมียของเขา (เจมม่า เฉลียง จาก “Eternals”) ภาพยนตร์แอ็คชั่น เดอะ ครีเอเตอร์ ได้รับเลือกสรรให้ตามล่ารวมทั้งฆ่าเดอะครีเอเตอร์ นักออกแบบผู้เข้าใจยากของ AI ระดับสูงผู้ ได้ปรับปรุงอาวุธลึกลับที่มีพลังสำหรับเพื่อการเลิกการศึก…แล้วก็มวลมนุษยชาตินั่นเอง โจชัวและก็กลุ่มทำการชั้นเยี่ยมของเขาเดินทางผ่านแนวศัตรู สู่แกนกลางอันมืดมนของดินแดนที่ถูกถือครองโดย AI… เพียงแต่เพื่อศึกษาค้นพบอาวุธล้างผลาญโลกที่เขาได้รับคำบัญชาให้ทำลายเป็น AI ในลักษณะของเด็กตัวเล็กๆ (แมดเดอลีนคนใหม่) ยูน่า วอยล์ส) แต่ว่าเค้าเรื่องและก็บทสำหรับพูดรวมทั้งการแสดงของดาราหลักจำเป็นต้องขอบอกว่าทั้งยังหรูและก็คูลมาก ทำให้พวกเราเข้าใจในเรื่องอารมณ์ของผู้แสดงในเรื่องได้อย่างง่ายๆ หนังไม่ต้องตีีความมากมาย โดยรวมก็สนุกสนาน ออกมาจากโรงยังคิดกับตนเองอยู่เลยว่าถ้าหากโลกนี้ถูกควบคุมด้วย A.I. ล่ะ จะกำเนิดอะไรขึ้น ทุกๆอย่างเป็นธรรมชาติมากมายๆอีกทั้งสนามรบห้ำห่ำกันเพื่อเอาชีวิตรอด ขอบอกว่าทุกสิ่งในหนังที่ผู้กำกับเพียรพยายามดึงออกมาใช้มีเสน่ห์จริงๆและก็ติดอกติดใจมากมายๆ
รีวิวหนัง “Fair Play”
ถึงเวลามาแซ่บ..กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งสอง กับหนังตื่นเต้นแอบซ่อนเกมการแข่งขันชิงชัยบนเฉือนคมที่คงจะคุกรุ่นพอได้ อย่าง “Fair Play” ที่ติดเรท R ที่มีรายละเอียดหักเหลี่ยมกันครั้งใดก็ตามได้โอกาสเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของแฟนที่ไม่สามารถที่จะคบกันได้อย่างเปิดเผย จำเป็นต้องมาประจันหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักจำเป็นต้องสะบั้น! Fair Play เกิดเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค วัยรุ่นที่บ้ารักกันและกัน The Creator (2023) โดยที่พวกเขาหมั้นหมายตระเตรียมตบแต่งกันเร็วๆนี้ เพียงแค่พวกเขาปฏิบัติงานที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบรวมทั้งมีความเกี่ยวเนื่องกันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนขั้นอย่างเหนือความมุ่งมาดในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายแข่งขันกัน แปลงเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา แล้วก็แปลงเป็นการบั่นทอนชีวิตของการการเป็นสามีภรรยาที่พร้อมจะพังทลายลงได้ตลอดเวลา นี่เป็นผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง “วัวลอี โดมอนต์” (จากซีรีส์ Ballers) ที่ถือว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกทีในรอบเกือบจะสิบปี และก็ถือเป็นการกลับมาที่ออกจะท็อปฟอร์มไม่น้อย เนื่องจากหนังหัวข้อนี้ออกจะเด่นเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีให้หลัง โดยงานนี้คุณรับหน้าที่ทั้งยังดูแลและก็เขียนบทเอง มันแปลงเป็นอีกงานชิ้นยอดเยี่ยมของคุณไปแล้ว แม้กระนั้นมั่นใจว่า Fair Play ไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะถูกใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรังเกียจเหมือนกัน เพราะเหตุว่าส่วนประกอบรวมทั้งรายละเอียดของหนังประเด็นนี้ทำให้มีความรู้สึกอีกทั้งรักอีกทั้งชังไปในขณะเดียวกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นบทหนังของประเด็นนี้ที่เต็มไปด้วยมุมมองที่น่าสะอิดสะเอียนรวมทั้งด้านลบของชีวิตของการการเป็นสามีภรรยา แม้กระนั้นมันกลายเป็นมุมที่ค่อนข้างจะเวิร์กเมื่อโดนจับมาใส่ไว้ภายในหนังประเด็นนี้ ภายใต้เหตุการณ์และก็บรรยากาศที่แสนเคร่งเคลียดของจำนวนรีวิวหนัง “The Exorcist: Believer หมอปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์
และก็นี่ก็คืออีกหนึ่งตำนานสยองขวัญของฮอลลิวูด ที่ยังคงมีความอุตสาหะที่ปัดฝุ่นแล้วก็จับขึ้นมาจากกล่องเก่าๆมาหารับประทานใหม่อยู่เรื่อยกลับมาในคราวนี้กับ “The Exorcist: Believer หมอปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์: ผู้เชื่อถือ” ที่ยังมากับเส้นเรื่องของซาตานร้ายอยู่ร่างมนุษย์ ที่ยังคงอิงใจความสำคัญความเชื่อถือรวมทั้งแรงเชื่อถือในศาสนาอีกเหมือนเคย เพียงแต่ว่ามันจะยังเวิร์กอยู่กับโลกในตอนสมัยปี 2020s หรือไม่? The Exorcist: Believer หมอปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์: ผู้เชื่อถือ The Creator (2023) เล่าการของ แอนเจลา กับ แคคุณลีน เด็กผู้หญิงวัย 12 ที่ล่องหนไปในป่าข้างหลังสถานศึกษา ก่อนที่จะเผยตัวกลับมาอีกทีในอีก 3 วันให้ข้างหลัง แม้กระนั้นพวกเขากลับปราศจากความทรงจำใดๆก็ตามเกี่ยวกับขณะที่ล่องหนไป ก่อนที่จะเริ่มมีความประพฤติแปลกๆที่แสดงออกมาต่อครอบครัว ทำให้พวกเขามั่นใจว่าพวกคุณถูกผีสางอยู่ จนกระทั่งจะต้องควรพาผู้ชำนาญสำหรับการเฉดหัวไล่ขจัดในตำนาน สำหรับในภาคนี้ได้ผู้กำกับสายสยดสยองที่สมัย อย่าง “เดวิด กอร์ดอน กรีน” มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง พร้อมทั้งร่วมเขียนบทหนังด้วย เขาพึ่งจะบรรลุผลสำเร็จปังสุดๆจากหนังชุด Halloween สามภาคปัจจุบัน รวมทั้งนี่ถือได้ว่าเป็นการตั้งความหวังใหม่ของแฟรนไชส์นี้ที่ต้องการจะปลุกปั้นสร้างออกมาให้ปังอีกประเด็น เพียงแค่โชคร้าย ที่การกลับมาคราวนี้ของหมอปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์ บางทีอาจจะยังไม่ถึงกับขนาด..ดุเดือดเลือดพล่านมากแค่ไหน เปลี่ยนไปเป็นว่า The Exorcist: Believer ค่อนข้างจะเพลย์เซฟในตนเองไปสักนิด จะหลอนก็หลอนไม่สุด จะโหดเหี้ยมก็โหดเหี้ยมแบบไม่ถึง จะดรามาก็ออกจะจืดจาง ทำให้ส่วนประกอบหลายๆอย่าง โดยยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินตามเส้นเรื่องของหนังในภาคนี้ออกจะบางเบา ไม่หนักแน่นสักเท่าไหร่ เป็นหนังสยองขวัญที่แตะต้องไม่ถึงต่อมอารมณ์ใดๆก็ตามได้อย่างน่าผิดหวัง